สัปดาห์นี้เบี้ยวซ้อมวิ่งยาวของพัทยามาราธอน เพื่อไปงาน ลากูน่าภูเก็ตมาราธอนนานาชาติครั้งที่ 8 วิ่งวันที่ 9 มิถุนายน 2556 ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ facebook page เรื่องวิ่งเรื่องกล้วย ที่จัดทริปนี้ขึ้นในราคากันเอง จ่ายไป 3200บาทต่อคน รวมค่ารถ ค่าห้องพัก (พักที่ Best Western Bangtao Beach Resort and Spa) ค่าวิ่ง (วิ่งระยะไหนก็ได้) ค่าpasta party
Day 1 ล้อหมุนตอน 3ทุ่ม จากสวนลุม นั่งหลับๆตื่นๆ ไปตลอดทาง
Day 2
- ถึงภูเก็ตประมาณ 10 โมง แวะนมัสการหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง
- เสร็จแล้วเข้าไปหาข้าวเที่ยงกินในตัวเมือง ข้าพเจ้าเลือกร้านนี้ ลกเทียน ร้านอาหารพื้นเมืองภูเก็ต เมนูที่สั่งไป ก๋วยเตี๋ยวผัดฮกเกี้ยน หน้าตาเหมือนผัดซีอิ๊วราดด้วยน้ำราดหน้า พอกินได้ (ไม่ได้อร่อยมากมายแต่ก็ไม่แย่จนเกินไป) ปอเปี๊ยสด ก็โอเคพอกินได้ โอเอ้ว เหมือนวุ้น ถั่วแดงใส่น้ำแข็งใส ราดด้วยน้ำแดง ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ต้องสั่ง ไม่งั้นเหมือนไม่ได้มาภูเก็ต
- จากนั้นก็เข้าไปเช็คอินโรงแรม Best Western Bangtao Beach Resort and Spa ก่อนเข้าไปเช็คอินที่โรงแรม ข้าพเจ้าแวะซื้อ counter pain ที่ร้านขายยา คนขายถามว่า มาจากไหนกันคะ? ปกติโรงแรมนี้ไม่มีคนไทยมาพักนะ มีแต่ฝรั่ง เค้าเลยแปลกใจ ข้าพเจ้าก็พูดคุยไปตามปกติไม่ได้คิดอะไร
พอเข้าห้องพักได้ ก็โทรถาม wifi password ที่ lobby เพราะต้องใช้เนตเคลียร์งานนิดนึง ข้าพเจ้าถามพนักงานด้วยภาษาไทย แต่พนักงานตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ OMG! ข้าพเจ้านึกว่าภาษาไทยข้าพเจ้าเพี้ยนจนพนักงานนึกว่าเราเป็นคนต่างชาติ เลยบอกพนักงานไปด้วยความหวังดีว่า คนไทยค่ะ พูดภาษาไทยได้ค่ะ พนักงานยังคงตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษและถามเราว่าพูดภาษาอังกฤษได้มั๊ย ก็เลยกลายเป็นว่าต้องใช้ภาษาอังกฤษติดต่อสื่อสารแทน - -" อืม เข้าใจแระว่าโรงแรมนี้ไม่ค่อยมีคนไทยมาพัก
สรุปว่าที่นี่ถ้าจะใช้ wifi ฟรีต้องลงไป lobby ถ้าจะใช้บนห้องต้องซื้อชั่วโมง ข้าพเจ้าเลยใช้ 3g แทน สัญญาณก็ขาดๆหายๆ กว่าจะเคลียร์งานเสร็จ เหนื่อยใจกับอินเตอร์เนตนี่ล่ะ เมื่อไหร่เมืองไทยจะมี 3g ดีๆใช้
- ต่อด้วยไปรับเบอร์วิ่งและชิพที่ laguna (งานนี้มีชิพให้ทั้ง มินิ ฮาล์ฟ และ ฟูล) ปีนี้มีแก้วใบไม้ด้วย เอาไว้กินน้ำระหว่างวิ่งแทนแก้วพลาสติกเพื่อลดขยะ แต่คนยังใช้กันน้อยนะ สรุปขยะก็เกลื่อนเหมือนเดิม แม้แต่ข้าพเจ้าเองก็ใช้บางจุด เพราะน้องๆที่ส่งน้ำให้ ยื่นมาให้ตรงหน้า ก็เลยต้องรับ พูดถึงมันก็ใช้ยากอยู่เหมือนกันนะ ต้องมารอรินน้ำจากเหยือกแค่ไม่กี่เหยือก ถ้าเป็นงานเล็กๆคงพอไหว แต่งานใหญ่อย่างนี้ไม่ไหวค่ะ
จำไม่ได้เป๊ะๆว่า Pasta Party นี่ถ้าเราซื้อ coupon เองราคาเท่าไหร่ ที่พอจำได้เลือนลางคือประมาณ 1พันบาท จะบอกว่า ถ้าต้องจ่ายเพิ่มเพื่อ Pasta Party นี้ไม่เอาล่ะ อาหารไม่ถูกปากอย่างแรง ปกติไม่ใช่คนชอบกินอาหารแบบนี้อยู่แล้ว มีลาบหมูพอกินได้ แต่ก็ไม่อร่อย รู้สึกว่าเค้าไม่ได้ใส่พริก เหมือนทำอาหารให้ต่างชาติมากกว่า คนไทยอย่างข้าพเจ้าเลยกินได้แต่ข้าวผัดกับไก่อบ
เสร็จจาก Pasta Party ประมาณ 1 ทุ่มก็กลับโรงแรม อาบน้ำอาบท่า นอนเอาแรงให้ได้เยอะที่สุด พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า Mini ปล่อยตัวเวลา 6.30 น.
Day 3
ตื่นตี 4 อาบน้ำ แต่งตัว ลงไป lobby เพื่อเอาอาหารเช้า โรงแรมจัดให้เป็นกล่อง ขึ้นรถบัสไปลงที่งาน ลงจากรถได้ ยังไม่ทันทำอะไร ข้าศึกประชิดหน้าประตู เดินไปห้องน้ำ ยังไม่ทันถึงห้องน้ำก็ต้องตะลึงกับคิวเข้าห้องน้ำ โอย ทำไงละเนี่ย ข้าศึกอยู่หน้าประตู ไม่รู้ประตูจะแตกตอนไหน ก็อดทนหน้าดำหน้าแดงกันไป ห้องน้ำก็มีแค่ 10 ห้อง OMG! สักพักได้ยินเสียงประกาศ ระยะ half ให้เตรียมเข้าจุดปล่อยตัว ทีนี้ความวุ่นวายบังเกิดทันที คิวห้องน้ำตอนแรกว่ายาวแล้ว ตอนนี้ยาวกว่ามาก !
พวกนักวิ่งต่างชาติที่เข้าคิวอยู่หน้าข้าพเจ้า ประมาณ 6 คน เริ่มซุบซิบกัน สักพักมีสาวนางนึงในกลุ่ม เดินอ้อมไปด้านหลังห้องน้ำที่มืดและเปลี่ยว ชีหายเข้าไปในความมืดไม่นานก็กลับออกมา พร้อมกลับโหวกเหวกให้เพื่อนสาวทั้งหลายตามเธอเข้าไปในความมืดเถอะ อย่ารอคิวต่อไปเลย เดี๋ยวออกตัวไม่ทัน สิ้นเสียงหล่อน เพื่อนสาวทั้งหลายก็กรูกันไปในความมืดหลังห้องน้ำ สักพักพวกนางก็ยิ้มร่าออกมา และรีบวิ่งไปจุดปล่อยตัว ตัดกลับมาที่ข้าพเจ้า อูย ยืนบิดแล้ว นาทีนั้น รู้สึกว่าประตูจะแตก ส่วนคิวด้านหน้าก็หายไปเยอะแล้ว ดีใจจริงๆที่เพื่อนสาวเหล่านั้นเดินออกจากคิวไปในความมืด ในวินาทีที่ประตูจะแตกนั้น ก็ถึงคิวข้าพเจ้าพอดี เกือบไม่ทันล่ะ เกือบจริงๆ
ออกมาจากห้องน้ำ ความวุ่นวายยังไม่หมด หลายๆคนเดินมา ยกมือไหว้ปลกๆ เพื่อจะบอกว่า ขอเข้าก่อนนะคะ half จะปล่อยตัวแล้ว คนในแถวก็โต้กลับมาว่า พวกเราก็ half เหมือนกัน แต่ก็ไม่ทันการ พอประตูห้องน้ำเปิด ชีก็เข้าไปทันที ที่แย่ที่สุดคือมีฝรั่งกลุ่มหนึ่ง ไม่พูดพล่ามทำเพลง มาถึงบอกพวกหล่อนวิ่ง half ต้องเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนี้ พูดเสร็จก็ไปเดินเคาะประตูห้องน้ำทุกห้อง ทั้งเคาะทั้งดึง ได้แต่ยืนมองด้วยความเซ็ง คนในแถวก็ได้แต่โวยวาย ทำอะไรไม่ได้ พอ half ปล่อยตัวเสร็จ ความสงบก็เข้ามาเยือนทันที
งานวิ่งระดับนี้มีห้องน้ำแค่ 10 ห้อง มันโหดร้ายมากเลยนะ หรือมีห้องน้ำจุดอื่นอีก อันนี้ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบ เพราะไม่มีป้ายบอกหรือประกาศจากผู้จัดงานเลย
ระหว่างรอ mini ปล่อยตัว ข้าพเจ้าก็วิ่งวอร์ม ยืด เหยียดไปตามประสา พอได้เวลาก็เข้าประจำที่ เนื่องจากเป็นนั่งวิ่งแนวหลัง จึงไม่ต้องรีบเข้าไปยืนด้านหน้า พยายามเดินเข้าไปท้ายๆเพราะไม่อยากไปโดนเบียด หรือไปขวางทางใคร พอก้าวข้ามจุด start ก็เริ่มเหยาะๆไป ผ่านกิโลแรกไปตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็กิโลที่ 2 แล้ว วิ่งทางราดยางจะรู้สึกสบายขาหน่อย พอเข้ากิโลที่ 3 จุกค่ะ จุกจริงๆ เจ็บซี่โครงซ้าย ไม่รู้ว่าทำไม เพราะเราออกตัวมาเบาๆ ไม่ได้เร่งอะไรเลย ก็เลยต้องหยุดเดินเพื่อให้อาการทุเลา พอเริ่มทุเลาก็วิ่งอีกแต่ก็ยังจุกอยู่ แต่ไม่อยากหยุดเดินแล้ว เลยฝืนวิ่งไปแบบนั้น พอรับได้น้ำช่วงกิโลที่ 4 มีอาการเรอ และอยากขย้อนตามมาอีก นาทีนั้นรู้สึกว่านรกมาก อะไรเนี่ย ก็เลยกลายเป็น เดินๆ วิ่งๆ อยู่อย่างนั้น เจอเนินทีแทบร้อง
มาล้าสุด ท้อสุดๆ ก็ตอนกิโลที่ 8 แดดร้อนมาก เหนื่อย หายใจไม่ทัน สรุปแล้ว 8-9-10 ก็ไปแบบหอบๆอย่างนั้้น เดินบ่อยด้วย ตอนแรกคิดไว้ว่า ถ้าเข้ากิโลที่ 9 จะ sprint กิโลสุดท้าย แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่ไหวค่ะ หมดแรง อาการขย้อนกับเรอมาเป็นระยะๆ เลยเลือกที่จะวิ่งเหยาะๆเข้าเส้นชัยไป ใช้เวลาไป 80 นาทีเป๊ะ
พอวิ่งเสร็จมาเปิด nike+ ดู (ตอนวิ่งไม่ได้เสียบหูฟัง ไม่ได้ยินเสียง nike เลย nike วัดระยะทางได้ 10.66 km เพี้ยนนิดหน่อย แต่ไม่เยอะ) และได้ค้นพบว่า ทำไมกิโลที่ 3 ข้าพเจ้าจุก ก็กิโลที่ 2 pace 6.36 อะ ทำไปได้ยังไง วิ่ง pace นี้ไม่จุกก็บ้าแล้ว ปกติ pace 7.3 ก็แย่แล้ว แต่สารภาพเลยว่าตอนนั้นไม่รู้สึกสักนิดว่าตัวเองไปเร็วเกิน คิดแต่ว่า จะวิ่งหลบคน อยากหาจุดที่วิ่งแล้วไม่มีใครมาพันหน้าพันหลัง ก็เลยต้องซิกแซก แซงไปเรื่อยๆเพื่อหาที่ว่าง
ขอพูดถึงอาหารและน้ำดื่ม หลังเข้าเส้นชัยนิดนึง เรื่องน้ำดื่ม และเกลือแร่ โอเคเลย ถึงคนจะเยอะ ก็เดินไปหยิบได้เรื่อยๆ ไม่ต้องมาเข้าคิวรอ แต่อาหารพวก ผัดซีอิ๊ว ข้าวผัด ข้าวต้ม ไม่ไหวนะ ผัดซีอิ๊วเหมือนผัดไว้ตั้งแต่เมื่อวาน จืดชืดมาก ข้าวผัดพอมีรสชาติหน่อยแต่ก็เหมือนผัดไว้ตั้งแต่เมื่อวานเหมือนกัน ส่วนข้าวต้มกุ๊ย เห็นมีแค่ปลากรอบที่วางไว้ให้ ตักมาก็ไม่รู้จะกินยังไง ก็เลยไม่ได้ลองชิม สรุปว่ากินผัดซีอิ๊วกับข้าวผัดไปอย่างละสองสามคำ แล้วก็เดินไปกินกล้วยหอม 3 ลูก เกลือแร่ 1 กระป๋อง ถ้าพูดถึงก็ยังดีกว่างานที่แจกขนมปัง น้ำผลไม้ ให้คนละกล่องหลังเส้นชัย แต่ข้าพเจ้าก็คาดหวังว่าอาหารโรงแรมจัดควรจะรสชาติดีกว่านี้หน่อยนะ
เหรียญ Mini Marathon เหรียญแรกในชีวิต
สรุปแล้วงานนี้ก็ชอบนะ (ยกเว้นเรื่องห้องน้ำ) ถ้ามีโอกาสก็จะไปอีก แต่ครั้งหน้าคงต้องนั่งเครื่องบินแล้วล่ะ นั่งบัสไม่ไหว ขากลับเท้าบวมตุ่ยเลย
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น