และแล้วก็มาถึงวันงาน Pattaya Marathon 2013 ซะที หลังจากซ้อมวิ่งระยะ Half มา 14 สัปดาห์ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลงวิ่งระยะ Half เนื่องจากดูสภาพร่างกายแล้วคิดว่าคงไม่สามารถจบ Half ได้ภายใน 3 ชั่วโมงแน่นอน (เพิ่งทราบตอนหลังว่าพัทยามาราธอนให้เวลา Half 3.30 ชม) แต่ก็รู้สึกว่าโชคดีมากที่ไม่ได้ลงระยะ Half เพราะตั้งแต่ย่างเข้าสู่เดือนกรกฏาคม ไม่ได้ซ้อมวิ่งเลย ติดธุระต่างจังหวัด 2 สัปดาห์ หาที่วิ่งไม่ได้เลย มีแว้บมางานวิ่ง Run for Health Run to Help เมื่อวันที่ 7 แค่นั้น แล้วก็โผล่มาที่พัทยามาราธอนเลย ผลจากการไม่ได้ซ้อมเลย ทำให้สนามนี้จบมินิมาราธอน เวลา 90 นาที (ยิ่งวิ่งยิ่งถอยหลังเข้าคลอง ฮ่าๆ)
ทริปนี้ออกเดินทางตั้งแต่วันศุกร์ตอนเช้า เพราะไม่อยากเจอคลื่นมหาชนตอนเย็น (หยุดยาว 3 วัน) มีแวะถ่ายรูปที่ Pattaya Sheep Farm พักนึง
จากนั้นก็เข้าไป check in ที่โรงแรมเลย ข้าพเจ้าเลือกพักที่ Bay Breeze Hotel 2 คืน จองผ่าน agoda ใช้แต้มแลก จ่ายเพิ่มแค่ 645 บาท โรงแรมอยู่ห่างจาก central pattaya beach ซึ่งเป็นจุดปล่อยตัวประมาณ 400 เมตร เดินไปประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว
ขอบ่นโรงแรมนิดนึง ห้องเหม็นบุหรี่มาก พนักงานบอกให้ย้ายไปอีกห้องนึงอยู่ชั้น 5 พอเดินเข้าไปก็ยังเหม็นอยู่ดี (แค่กลิ่นเบากว่าห้องแรก) เลยบอกว่าเอาห้องเดิมที่ชั้น 8 ดีกว่า แล้วพนักงานก็ให้แม่บ้านมาทำโอโซนอะไรสักอย่าง ตอนแรกก็โอเคกลิ่นหาย สัก 1 ชม ผ่านไป กลิ่นกลับมาอีกแล้ว ก็ไม่อยากเรื่องมากเลยทนๆอยู่ไป แล้วตอนกลางคืนเสียงจากคาราโอเกะ ดังขั้นมาถึงชั้น 8 แน่ะ ได้ยินชัดแจ๋ว ต้องอาศัยฟังเพลงให้มันเพลินไปเรื่อยๆจนหลับไปเองทั้ง 2 คืน (ถ้าปีหน้ามาอีก คงเลี่ยงไปนอนแถวๆหาดจอมเทียนดีกว่า อยู่ในเมืองก็คงเป็นแบบนี้ทุกโรงแรม เพราะส่วนใหญ่มีแต่ร้านนวดกับคาราโอเกะ)
ตอนเช้ามีบุฟเฟต์โรงแรมให้ด้วย แต่อาหารน้อย แทบไม่มีอะไรให้กินเลย มีหลักๆก็ ไข่ดาว เบคอน ใส้กรอก มันผัด สลัด โยเกิร์ต ซีเรียล ขนมปัง กับข้าวไทยมีแค่ 1 อย่างต่อวัน + ข้าวสวย (วันแรกต้มยำไก่ วันที่สอง แกงเขียวหวานไก่ รสชาติฝรั่งแต่ก็อร่อยใช้ได้ค่ะ แค่ไม่จัดจ้านแบบคนไทยกิน)
ถ่ายจากหน้าต่างห้องพัก เห็นเซนทรัลอยู่ไม่ไกล
วันเสาร์เข้าไปรับเสื้อและเบอร์วิ่งที่เซนทรัล พัทยาบีช ชั้น G รีบไปแต่เช้า เพราะกลัวคนจะเยอะ เดี๋ยวจะวุ่นวาย ปรากฏว่าไปถึง คนก็รุมประมาณนึงแล้ว และไม่มีเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลเลยว่าเราต้องทำอะไรบ้าง ไปยืนงง ยืนชะเง้ออยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจไปต่อแถวรับเสื้อเบอร์ แต่เห็นคนที่เค้ารับเสื้อได้ต้องถือใบเสร็จสีเหลือง แต่ในมือข้าพเจ้าไม่มี จำใจเดินออกจากแถวเงียบๆ แล้วไปตั้งหลักใหม่ เดินไปดูโต๊ะที่คนรุมเยอะๆ ก็พอจะเข้าใจได้ว่าน่าจะต้องมาหาใบเสร็จที่นี่ก่อน แล้วค่อยไปต่อคิวรับเสื้อ เบอร์วิ่ง กว่าจะเสร็จก็ปวดหัวพอประมาณ
คนเริ่มทยอยหลั่งไหลเข้ามา หลังจากข้าพเจ้ารับเสื้อเบอร์ตัวเองเสร็จ
เสื้อของผู้ชายกับผู้หญิงจะไม่เหมือนกันนะคะ ผู้หญิงเป็นเสื้อแขนกุด (ซ้าย) ผู้ชายเป็นเสื้อกล้าม (ขวา) เนื้อผ้าไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไร คล้ายๆผ้ามุ้งแบบนั้น บางมาก (ยังดีว่าของผู้หญิงมีซับด้านหน้าให้อีกชั้น)
ตัดกลับมาเช้าวันวิ่ง มินิมาราธอนปล่อยตัว 5.45 น. ตื่นตั้งแต่ตี 4 กินขนมปัง นม แล้วก็ซัดน้ำไป 2 แก้วใหญ่ๆเพื่อช่วยในการขับถ่าย ยืดเส้นยืดสาย บิดตัว บิดลำใส้ ตอนแรกนึกว่าต้องแบกอึไปวิ่งแล้ว ดีที่ร่างกายยอมขับถ่ายออกมาตอนประมาณตี 5กว่า พอออกจากห้องน้ำ เหลือบดูนาฬิกา โหย ตี5.20 แล้ว ทีนี้เดินตัวปลิวออกจากโรงแรมไปหน้าหาดเลย เดินไปถึงจุดปล่อยตัว ได้ยินพิธีกรประกาศว่าอีก 5 นาทีจะปล่อยตัว ก็รีบจ้ำไปต่อแถว แต่เดินไกลมาก ไม่ถึงหางแถวสักที ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้ พอได้เวลาปล่อยตัว หันหลังไปดูข้างหลังเสียหน่อย โห! หลังข้าพเจ้ายังมีอีกเพียบ คนเยอะมาก
ช่วงกิโลแรกไม่ต้องพูดถึง เหยาะๆพันแข้งพันขากันไป เพราะคนเยอะมาก แต่ก็รู้สึกว่าวิ่งสนุกดี มองไปทางไหนก็มีแต่คนวิ่งเหมือนเรา แล้ววันนี้อากาศดีมากๆ ครึ้ม แดดไม่ออก มีแต่ลมเย็นๆ แต่ใจก็ยังหวั่นๆกลัวฝนจะตก ไม่อยากวิ่งกลางสายฝน
สนามนี้ข้าพเจ้าพยายามไม่ออกตัวเร็วและแรง เพราะกลัวอาการจุกมากๆ กิโลที่ 1 เลยวิ่งอยู่ประมาณ pace 8 กิโลที่ 2-3 คนเริ่มทิ้งห่างออกไปแล้ว เริ่มมีช่องว่างทำให้ขยับ pace ขึ้นมาที่ pace 7 ช่วงนี้วิ่งคลอไปกับชมรมวิ่งที่เป็นคุณลุง บีบแตร ปี๊บๆ เค้าจะวิ่งไป ท่องกลอนกันไป ข้าพเจ้าก็แอบฟังด้วย เพลินดี
พอเข้ากิโลที่ 4-5-6 อาการจุกท้อง เจ็บซี่โครงกลับมาหลอกหลอนข้าพเจ้าอีกแล้ว ทั้งจุกและเจ็บ แทบจะวิ่งไม่ออกเลย แต่ก็ฝืนวิ่งไป สลับกับหยุดเดินเป็นพักๆ 3กิโลนี้วิ่งอยู่ที่ pace 8 กลุ่มคุณลุงบีบแตร แซงไปไกลแล้ว เงียบเหงาเลยทีเดียว ฮ่าๆ
เข้ากิโลที่ 7 pace ร่วงไป 8.3 กิโลที่ 8 มีเม็ดฝนปรอยๆลงมานิดหน่อย กลัวว่ายิ่งช้าจะยิ่งเปียกเลยพยายามสับขาให้ไวขึ้นหน่อย ตอนนั้นคิดแต่เรื่องวิ่งหนีฝน พอรู้ตัวอีกทีก็หายจุกท้องแล้ว แถมฝนที่ทำท่าว่าจะปรอยๆลงมาก็หายไป กิโลนี้ pace เลยขยับขึ้นมาที่ 8
กิโลที่ 9-10 เหนื่อยและล้ามาก เดินบ่อยด้วย วิ่งไปก็บ่นไป โฮ้ย! เหนื่อย โฮ้ย! ไม่ไหวแล้ว pace อยู่ที่ประมาณ 8.3 เข้าเส้นชัย ใช้เวลาไปทั้งหมด 90 นาทีเป๊ะ แต่ nike+ ข้าพเจ้าวัดระยะได้ 11.5 กิโล เกินไปตั้ง 1 กิโล
มินิสนามที่ 3 จ้า
เข้าเส้นชัยมาก็รับเหรียญ แล้วเดินออกไปหาน้ำกิน งานนี้ขอชมเรื่องน้ำ อาหารหลังเส้นชัย พร้อมมากๆ ไม่ต้องต่อคิว เดินมาหยิบได้เลย (เอ๊ะ! หรือว่าเราเข้าเส้นชัยช้า) ที่ชอบที่สุดคือซุ้มแตงโม ผ่ากันสดๆ อาจจะต้องต่อแถวบ้างนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร ชอบความสดมากกว่า ถ้าผ่าทิ้งไว้นานมันไม่น่ากินเลย นอกจากนี้ก็มีซุ้มเกลือแร่ ซุ้มแจก น้ำ ขนมปัง กล้วย ที่จัดเป็นเซตไว้ ดูแล้วถึงนักวิ่งจะเยอะขนาดนี้แต่ก็น่าจะเพียงพอนะ
ซุ้มน้ำหลังเส้นชัย น้องๆเทกันไม่หยุด
ซุ้มแตงโม ผ่ากันสดๆ หวาน ฉ่ำ อร่อยมากๆ
สรุปแล้วพัทยามาราธอนนี้จัดได้ดีกว่าที่คิดไว้เยอะ เพราะเดือนที่แล้วเห็นมีปัญหาเรื่อง organiser จนงานเกือบจะล่ม ทำให้หวั่นใจอยู่เหมือนกันว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่อาทิตย์ยังไม่ได้ organiser แล้วจะเตรียมการอะไรทัน พอวันวิ่งจริงเห็นนักวิ่งมาเยอะขนาดนี้ยังคิดเลยว่า สงสัยได้แวะซื้อน้ำที่ 7-11 กินแน่ๆ แต่ก็ผิดคาด น้ำมีพอ และไม่ต้องต่อคิวให้เสียเวลาด้วย ยกเว้นจุดให้น้ำจุดแรก ที่คนรุมกันเยอะมาก (เนื่องจากช่วงกิโลแรกๆ คนยังไม่กระจายออกไป) ทำให้ข้าพเจ้าตัดสินใจผ่าน ไปเอาน้ำจุดที่ 2 ดีกว่า เพราะยังไม่ค่อยกระหายเท่าไหร่
วิ่งเสร็จกำลังจะเดินกลับโรงแรม จู่ๆก็ไปจ๊ะเอ๋กับคนนี้เข้า นาวิน ตาร์ เท่มาก หน้าใสมาก วิ่งเก่งด้วย แต่เห็นแล้วสงสารเลย เหมือนเค้ากำลังจะรีบเดินไป แต่คนดึงถ่ายรูปไว้ตลอด เลยแอบแชะจากไกลๆละกัน ได้ข่าวว่า ตูน บอดี้แสลม กับ ก้อย รัชวิน ก็มา แต่ข้าพเจ้าไม่เห็น ส่วนเดี่ยว oic เห็นตอนวิ่งกลับตัวแล้วแว้บนึง อันนั้นก็น่าสงสาร วิ่งๆอยู่ คนขอถ่ายรูปตลอด เหมือนกับว่าต้องวิ่งเหยาะๆ คลอๆไปให้คนถ่ายรูปคู่
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น