งานนี้เป็นงานวิ่งเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันแม่ จัดขึ้นวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556 อ่านรายละเอียดงานแล้วแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจดี น่าจะเป็นงานใหญ่ คนน่าจะไปวิ่งเยอะ หลังจากงาน Bangkok Post International Run แล้ว ก็คิดว่าถ้าจะวิ่งงานที่จัดใน กทม จะวิ่งเฉพาะงานใหญ่ๆ เนื่องจากคนจะเยอะ ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องวิ่งรั้งท้าย แล้วต้องมาหลบรถเอาเอง เลยตัดสินใจสมัครงานนี้ แต่หลายๆอย่างก็ไม่เป็นอย่างที่คิด
เริ่มจากการสมัครเลย งานนี้ไม่มีสมัครออนไลน์แบบ goadventure อ่ะ!ไม่เป็นไร โอนเงินแล้วส่งอีเมลล์เอาก็ได้ ส่งหลักฐานแล้วรอประมาณ 3 วันก็มีเมลล์ยืนยันกลับมา พอถึงวันที่ต้องไปรับเสื้อ เบอร์วิ่ง ข้าพเจ้าก็ไปแต่เช้า เพราะกลัวคนเยอะ ตอนไปรับเบอร์วิ่ง เห็นวิธีการหาใบเสร็จที่พลิกหาตั้งแต่ใบแรกจนถึงใบสุดท้ายแล้ว แอบคิดอยู่เหมือนกันว่า ถ้าคนเยอะ รอกันรากงอกแน่ น่าจะมีการใส่รายชื่อในคอมพิวเตอร์ หรือ print รายชื่อออกมาแปะบอร์ดไว้ แล้วให้เจ้าของชื่อไปหาลำดับที่ตัวเองมาแจ้งที่โต๊ะรับใบเสร็จ ส่วนเสื้อกับเบอร์ก็น่าจะจัดเซตไว้เลย สำหรับคนที่สมัครล่วงหน้า เพราะมีการระบุไซส์เสื้อในใบสมัครแล้ว (แต่ตรงนี้ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าวันอื่นๆ เจ้าหน้าที่จัดเซตไว้หรือเปล่า เนื่องจากข้าพเจ้าไปรับวันแรกและไปค่อนข้างเช้า เจ้าหน้าที่อาจจะยังเตรียมการไม่เสร็จ)
รับเสื้อเสร็จ ก็กะว่าจะเดินดูงาน August 12th Half Marathon Bangkok Expo ด้วย ในโบรชัวร์บอกว่า พบกับการออกร้านจากผู้สนับสนุน จำหน่ายเครื่องกีฬาราคาประหยัด ทัวร์วิ่งมาราธอน ทั้งในและต่างประเทศ แล้วก็มีภาพตัวอย่างประมาณนี้
ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าพเจ้ามโนไปเองว่าน่าจะได้เสียทรัพย์ เพราะตั้งใจจะไปหาชุดกีฬา สปอร์ตบรา ตัวใหม่ และจะไปเล็งรองเท้าวิ่งใหม่ด้วย แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่เห็นมีวี่แววว่างานเค้าจัดตรงไหน ถามน้องๆที่นั่งโต๊ะ เค้าก็บอกว่าบริเวณงานมีแค่นี้ ซึ่งข้าพเจ้าเห็นแต่บูทเสื้อ กางเกงกีฬาแค่ 1 บูท แล้วก็บูทยานวดกับบูท columbia เล็กๆ เลยตัดสินใจกลับดีกว่า ได้แต่คิดว่าวันหลังอย่ามโนไปเอง
ตัดมาที่วันวิ่ง วันจันทร์ที่ 12 สิงหา ระยะ mini marathon และ fun run ปล่อยตัวพร้อมกัน เวลา 6.00 น. แต่เนื่องจากเป็นงานวิ่งเฉลิมพระเกียรติ ก่อนปล่อยตัวจึงมีพิธีจุดเทียนถวายพระพร ร้องเพลงสรรเสริญบารมีและสดุดีมหาราชา กินเวลาปล่อยตัวไปประมาณ 5 นาที
กิโลที่ 1-3 วันนี้ออกตัวไม่แรง วิ่งเหยาะๆอยู่ราวๆ pace 7 ทั้ง 3 กิโล วันนี้คิดไว้แล้วว่าจะพยายามเหยาะๆ และเดินให้น้อย ไม่สนใจว่าจะต้องเข้าเส้นชัยเวลาเท่าไหร่ ช่วง 3กิโลแรกนี้ยังถือว่าเป็นช่วงสบายตัวอยู่ ยังไม่หอบ แต่อากาศอบอ้าวมาก กระหายน้ำตลอด
กิโลที่ 4-6 ยังคงวิ่งไปเรื่อยๆ เริ่มหยุดเดินบ้าง เฉลี่ยแล้ววิ่งอยู่ประมาณ pace 7.3 ช่วงนี้สิ่งที่ทรมานที่สุดคือการกระหายน้ำ จุดให้น้ำจุดที่ 2 ห่างจากจุดแรกประมาณ 3 กิโล ถึงกับต้องซัดน้ำ 2 แก้วเต็มๆ ทั้งๆที่ปกติจะระวังการกินน้ำมาก กลัวจุก แต่วันนี้ไม่กลัวเลย กะว่าถ้าจุกก็เดินเอา ไม่ไหวจริงๆ
กำลังจะขึ้นสะพานข้ามแยกสามย่าน
กิโลที่ 7 ช่วงกิโลที่ 6.5 เป็นช่วงวิ่งขึ้นสะพานข้ามแยกสามย่าน สะพานนี้ค่อนข้างยาว แต่ไม่ชันเท่าไหร่ พอมีแรงส่งตัว ตอนขึ้นสะพานส่วนใหญ่เค้าเดินเอาแรงกัน แต่ข้าพเจ้าวิ่ง เพราะรู้สึกว่ายิ่งเดินช้า ขายิ่งเกร็ง ยิ่งทำให้เมื่อย เลยตัดสินใจวิ่งดีกว่า พอขึ้นมาบนสะพานคนอื่นเค้าวิ่งกัน แต่ข้าพเจ้าเดิน ฮ่าๆ หมดแรง ช่วงที่วิ่งบนสะพานนี่อากาศดีมาก ลมพัดเย็นสุดๆ และเหมือนฝนทำท่าจะตกด้วย ใจก็ลุ้นอยู่ว่าอย่าเพิ่งตก ไม่อยากเปียก มีหยุดถ่ายรูปเล่นข้างบนด้วย เพราะฉะนั้นกิโลนี้ เอาไปเลย pace 9.2
กิโลที่ 8 กิโลนี้ขึ้นสะพาน ไทย-เบลเยี่ยม สะพานสั้นๆ แต่ชันมาก วิ่งไปได้แค่ครึ่งทาง ต้องหยุดเดิน ไม่ไหวจริงๆ กิโลนี้วิ่งอยุ่ที่ pace 8.3 ก่อนวิ่งขึ้นสะพาน มีดราม่า แบบว่าตำรวจเค้าปิดสะพานให้นักวิ่ง รถข้างล่างก็เลยค่อนข้างติด วันนี้ถึงจะเป็นวันหยุดแต่บางออฟฟิสเค้าก็ไม่หยุด แล้วงานก็ปล่อยตัวค่อนข้างช้า ทำให้ส่งผลกับคนใช้รถใช้ถนน ข้าพเจ้าก็เข้าใจว่าคนที่เค้าไม่ได้ชอบวิ่งเค้าก็คงหงุดหงิดและไม่เข้าใจนั่นแหละ แต่การบีบแตร ส่งสายตาอำมหิต หรือการตะโกนบอกให้นักวิ่งรีบๆวิ่ง รถติดมากเพราะพวกคุณ ด้วยกิริยาเกรี้ยวกราด เห็นแล้วก็เซ็งนะ
กิโลที่ 9-11 วิ่งเฉลี่ยอยู่ที่ pace 8.3-9.0 เนื่องจากหมดแรงแล้ว เจอไป 2 สะพานติดกัน ขาแทบไม่มีแรง หลังๆเน้นเดิน สรุปว่าเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 90 นาที พอๆกับงานบางกอกโพส คิดว่าช่วงนี้คงวิ่งมินิประมาณ 90 นาทีไปก่อน ยังไม่มีเวลาออกไปซ้อมมากนัก
เหรียญหมด ต่อคิวเขียนชื่อ ที่อยู่
ตอนเข้าเส้นชัย เกิดอาการเซ็งอีกอย่างคือ เหรียญหมด ตอนแรกไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนมาออกันตรงเส้นชัย พอขยับไปถึง คนกำลังเขียน ชื่อ ที่อยู่ให้ส่งเหรียญไปให้ แอบเซ็งถึงที่สุด ตั้งแต่เริ่มวิ่งมา งานนี้เป็นงานแรกที่อดได้เหรียญ แล้วมารู้ทีหลังจากกระทู้ในพันทิบว่า เหรียญหมดตั้งแต่มินิ 80 นาที สาเหตุก็มาจากคนสมัครหน้างานเยอะเกิน คือผู้จัดไม่ได้คำนวณเลยว่าเหรียญมีเท่าไหร่ ถ้าจะรับสมัครหน้างานรับได้เท่าไหร่ แล้วปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 21 คุณไม่สามารถกะคร่าวๆได้เลยหรอว่าจะมีนักวิ่งมาร่วมงานประมาณเท่าไหร่ ไม่อยากบ่นให้เสียอารมณ์ แต่มันเซ็งจริงๆนะ
ยังดีได้ต้นมะลิกลับบ้าน แต่อยากได้เหรียญมากกว่า
พอรู้ว่าไม่ได้เหรียญ ข้าพเจ้าก็เดินไปดูซุ้มแจกต้นมะลิ ปรากฏว่ายังพอมีเหลือ เลยไปรับต้นมะลิแทน จากนั้นก็เดินไปหาซุ้มแจกอาหาร แต่เดินไปดูแล้วก็ งงๆ หาซุ้มไม่เจอ แอบเห็นบางคนถือถุงที่มีกล่องนม ขนมปังในนั้น ข้าพเจ้าก็พยายามมองหา แต่ไม่เจอ เจอแต่โต๊ะว่างเปล่าและถาดแตงโมที่มีแตงโมชิ้นเล็กๆหั่นวางอยู่ แล้วก็ป้าที่นั่งแจกซาลาเปา+ข้าวเหนียวหมูฝอย ก็เดินไปรับมา ตอนเดินไปหาน้ำกิน ผ่านซุ้มโจ๊กโรซ่า เลยแวะรับมาชิม ซาลาเปากับโจ๊กพอกินได้ แต่ข้าวเหนียวหมูฝอย กินไม่ได้เลย ข้าวเหนียวแข็งมาก เอาไปทอดเป็นข้าวแตนได้เลย ปกติถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรงจะเป็นคนไม่ทิ้งของกิน แต่อันนี้ขออนุญาติทิ้งนะคะ มันกินไม่ได้จริงๆ อยากให้มีงานวิ่งไหนสักงาน แจกข้าวผัดกระเพรา หรือข้าวไข่เจียวจริงๆ T_T
สรุปว่างานนี้ไม่ประทับใจอย่างแรง ครั้งหน้าไม่เอาอีกแล้ว เรื่องของกินยังไม่เท่าไหร่ ไม่ได้งกกินขนาดนั้นแต่เรื่องเหรียญนี่ทำเอาเซ็งสุดๆ ปกติจะต้องถ่ายรูปกับเหรียญตอนเหงื่อโทรมๆ ทุกครั้งที่จบงาน แต่ครั้งนี้ไม่มี เสียใจ T_T แล้วอีกอย่าง งานวิ่งวันจันทร์ใน กทม ไม่เอาอีกแล้ว สงสารคนใช้รถใช้ถนน สงสารตัวเองด้วย ต้องมาถูกกดดันให้วิ่งเร็วๆ
ติดตามอ่านblogมาได้ตั้งแต่เริ่มซ้อม10โลสัปดาห์ที้1งานนี้เป็นงานที่ผมสมัครไว้กะเป็นสนามเปิดตัวในฐานะนักวิ่งมือใหม่แต่มาเกิดเหตุที่เสียใจที่สุดในครอบครัวจึงไม่ได้ร่วมสนามกับเจ้าของblogเลย
ตอบลบ